วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สุภาษิตไทย :)

รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง


          
             หมายถึง ทำไม่ดีหรือทำผิดไม่ยอมรับกลับโทษคนอื่นในการฟ้อนรำ  ลีลาท่ารำต้องให้เข้ากับปี่กลอง  บางคนเมื่อรำไม่ถูกจังหวะกลับไปโทษว่าปี่และกลองผิดจังหวะ
             
            สำนวนนี้บางทีใช้ว่า  รำไม่ดีโทษปี่พาทย์  หรือ  รำชั่วโทษพาทย์
ซึ่งบางทีกล่าวต่อไปว่า  รำชั่วโทษพาทย์  ขี้ราดโทษล่อง

           

โคลงสุภาษิตเก่าอธิบายความหมายว่า

               รำชั่ว  ตัวบ่งเชื้อ                     ชาตรี
โทษพาทย์  ว่าพลาดตี                            บ่ต้อง
ขี้ราด  ชาติอัปรีย์                                    แปรพากย์
โทษล่อง  ช่องชั่วพร้อง                          เพราะนั้นใครเห็น



ตัวอย่าง

      เธอทำอาหารไม่อร่อยแล้วเธอโทษว่าตำรากับข้าวเขียนไม่ดี  รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง  ได้ยังไง



สุภาษิตไทย :)

ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ






ที่มา   จากการกระทำหรือกิริยาอาการของมนุษย์
  

ความหมาย     การกระทำอะไรสักอย่างที่ไม่เหมาะสมหรือไม่สมดุลกัน   หรือ   ใช้จ่ายทรัพย์ลงทุนไปในทางที่ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย  เช่น  ลงทุนเล็กน้อยเพื่อทำงานใหญ่  ซึ่งต้องใช้เงินมากๆ  ย่อมไม่อาจสำเร็จได้ง่าย  ต้องสูญทุนไปเปล่าๆ  เปรียบเหมือนตำน้ำพริกเพียงครกเดียว   เอาไปละลายในแม่น้ำกว้างใหญ่  เมื่อละลายไปก็จะสูญหายไปหมดสิ้น  ไม่ทำให้แม่น้ำเกิดอะไรผิดปกติขึ้น  เสียน้ำพริกไปเปล่า


คำประพันธ์ที่เกี่ยวข้อง

มนุษย์เราคิดการใหญ่มักลงทุน            ช่วยอุดหนุนทุ่มทุนมหาศาล
เกิดกำหนดอัตรางบประมาณ               ไม่คาดการณ์ล่วงหน้ามุ่งทำไป
ผลที่ได้กลับไม่ได้ดั่งใจคิด               คาดการณ์ผิดงานล่มสุดแก้ไข
ต้องมลายกลายเป็นศูนย์ไม่สมใจ            ภาษิตไทยตำน้ำพริกละลายแม่น้ำเอย

สุภาษิตไทย :)

อดเปรี้ยวไว้กินหวาน




อดเปรี้ยวไว้กินหวาน หมายถึง อดใจไว้ก่อนเพราะหวังสิ่งที่ดีกว่าข้างหน้า.

        สำนวนนี้หมายถึง ให้อดใจละทิ้งสิ่งที่ไม่ดีในตอนนี้เสีย เพื่อรอรับในสิ่งที่ดี ถึงแม้ว่าจะต้องใช้เวลาอดใจรออยู่นานก็ยังดีกว่า เพราะผลที่จะได้รับข้างหน้านั้นย่อมดีกว่าแน่นอน


คำประพันธ์ที่เกี่ยวข้อง


จงอดเปรี้ยว ไว้กินหวาน โบราณว่า

เป็นคำสอน  แต่ก่อนมา  หาลืมไม่

สิ่งที่จิต  คิดว่าดี  นั้นมีไว้

ก็หาใช่  กว่าควรคู่  รู้ไหมเออ


เปรียบเหมือนดัง  หนุ่มสาว  คราวแรกสบ

อย่าลี้หลบ  หลีกเลี่ยง  เพียงใจเผลอ

จงยับยั้ง  ชั่งใจ  ไว้หน่อยเธอ

หากละเมอ  เพ้อพร่ำ  อาจช้ำใจ



ดูนานนาน  ดูดีดี  อย่าผลีผลาม

หากเกินงาม  ความไม่เหมาะ  เพราะหลงไหล

คนที่ทุกข์  คนที่เก็บ  เจ็บทรวงใน

ก็คือเรา  ใช่ใคร  ขอให้จำ


ใช้เวลา  หาค่า  ว่าเหมาะควร

อย่ารีบด่วน  พลวดพลาด  อาจถลำ

อดใจไว้  เถิดนะ  จะไม่ช้ำ

เหมือนลำนำ  คำพังเพย  ที่เอ่ยแล













สุภาษิตไทย :)

ดินพอกหางหมู



ที่มา  ดินพอกหางหมูนั้น มาจากการสังเกตพฤติกรรมของหมู  โดยปกติของหมูมักจะชอบนอนที่มีดิน หรือโคลน ชอบนอนกลิ้งไปกลิ้งมาจนดินติดที่หางของมัน  ถ้ามันไม่สลัดดินที่หางออก  ดินก็จะพอกพูนมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้มันเดินและเคลื่อนไหลลำบาก  และเป็นที่มาของดินพอกหางหมู  


ความหมาย  การทำสิ่งใดก็ตาม  ถ้ามัวแต่ผัดวันประกันพรุ่งเพราะความเกียจคร้าน ไม่ทำให้สำเร็จเสียโดยเร็ว ปล่อยให้คั่งค้างทับถมมากเข้า งานก็จะเพิ่มขึ้นทุกที ทำเท่าไหร่ไม่มีเสร็จ  หรือหมายถึง  หนี้สินที่ไปก่อไว้ทีละเล็กทีละน้อยจนมากมาย  ก็เรียกว่าเป็นดินพอกหางหมู เช่นกัน  ดินพอกหางหมู  หมายความในแง่ไม่ดีเท่านั้น การเก็บหอมรอมริบเงินทองจากน้อยให้เป็นมาก ไม่เรียกว่า ดินพอกหางหมู


คำประพันธ์ที่เกี่ยวข้อง


 หมูปวกเปียกขี้เกียจปัดปลดปล่อย      ดินจากน้อยค่อยมากหนักนักหนา

นอนเกลือกกลิ้งคลุกโคลนคร่ำค้างคา  จนกายาลุกไม่ขึ้นค่อยคลี่คลาย

เปรียบดั่งคนการงานไม่ยอมทำ          เผ้าตรากตรำเมื่อจวนเจียนเวลาหมาย

หากยังทำเช่นนี้ต้องเหนื่อยกาย         สิ้นสบายเพราะดินพอกหางหมู



สุภาษิตไทย :)

ฝนตกอย่าเชื่อดาว





ฝนตกอย่าเชื่อดาว หมายถึง อย่าไว้วางใจใครหรืออะไรจนเกินไป, มักใช้เข้าคู่กับ มีเมียสาวอย่าเชื่อแม่ยาย ว่า ฝนตกอย่าเชื่อดาว มีเมียสาวอย่าเชื่อแม่ยาย.

            เป็นสำนวนสุภาษิตที่สอนให้ว่า อย่าไว้ใจอะไรที่เดียวจนเกินไปนัก เปรียบกับที่ว่า เห็นดาวอยู่เต็มท้องฟ้า ไม่มีท่าว่าฝนจะตกลงมาเลย แต่ฝนก็อาจจะตกลงมาได้ ส่วนที่ว่า ” มีเมียสาวอย่าไว้ใจแม่ยาย ” นั้นคงเข้าทำนองที่ว่า แม่ยายที่มีลูกสาวสวยนั้นก็อย่าเพิ่งไปไว้ใจว่า แม่ยายจะไม่คิดพรากลูกสาว หรือเมียสาวของเราไปให้กลับผู้ชายที่มีฐานะดีกว่า เพราะอาจมีแม่ยายบางคนที่เห็นแก่เงินก็ได้.

สุภาษิตไทย :)

น้ำขึ้นให้รีบตัก



น้ำขึ้นให้รีบตัก  หมายถึง  มีโอกาสดีควรรีบทำ

                   เป็นสำนวนสุภาษิตที่หมายถึงว่า เมื่อมีโอกาสหรือได้จังหวะ ในการทำมาหากินหรือช่องทางที่จะทำให้ได้ผลประโยชน์แก่ตนแล้ว ก็ควรจะรีบคว้าหรือรีบฉวยโอกาสอันดีนี้เสีย อย่าปล่อยโอกาสหรือจังหวะเวลาให้ผ่านพ้นไปอย่างน่าเสียดาย สำนวนนี้เอาไปเปรียบกับอีกสำนวนที่ว่า ” ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม ” แล้ว หากคุณไม่เข้าใจความหมายก็อาจจะทำให้พะวักพะวงใจอยู่บ้าง เพราะไม่รู้ว่าจะเชื่อสำนวนไหนดี อย่างไรก็ควรดูคำแปลความหมายของอีกสำนวนนั้นเสียก่อน.


คำประพันธ์ที่เกี่ยวข้อง

       มีโอกาสอย่าปล่อยให้ผ่านเลย       อย่าทำเฉยไม่คิดจะไขว่คว้า
กาลเวลาหมุนไปไม่คอยท่า         มัวชักช้าควรรีบทำอย่าทิ้งนาน
ดังสำนวนน้ำขึ้นให้รีบตัก              ควรจะชักนำโอกาสที่ผันผ่าน
ไม่ปล่อยผ่านเลยไปดั่งวันวาน          รีบทำการต้องรีบทำทำทันที

สุภาษิตไทย :)

ตกกระไดพลอยโจน




ตกกระไดพลอยโจน จําเป็นที่จะต้องยอมเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่มีทางเลี่ยง.

                  สำนวนนี้ทางหนึ่งหมายถึง ว่ากันว่าการทำอะไรที่บังเอิญเกิดผิดพลาดขึ้น โดยไม่มีทางหลีกเลี่ยง หรือทำไปได้ครึ่งแล้ว ก็จำต้องทำมันต่อไปให้เสร็จสิ้นเสียเลยเรียกว่า ” พลอยโจน ” อีกทางหนึ่ง คงจะหมายถึงการพลอยผสมโรงหรือพลอยตามไปด้วยกับเขา ทำนองเดียวกับที่ว่า เห็นคนอื่นตกกระได ตนเองก็เลยพลอยโจนตามโดยไม่มีทางหลีกเลี่ยง แต่อีกทางหนึ่ง อาจหมายความได้ว่าการกระทำอะไรบังเอิญผิดพลาด คือ ” ตกกระได ” ก็เลยใช้วิธีกระโจนลงไปเสีย เพื่อไปตั้งหลักเอาใหม่ดีกว่าปล่อยให้ตกกลิ้งลงไป.
                ติเรือทั้งโกลน : เป็นสำนวนหมายความว่า ชิงติงานที่เขาเริ่มทำใหม่ ๆ เสียก่อน ยังไม่ทันได้เห็นผลงานของเขา หรือเรียกว่า มีปากก็ติพล่อย ๆ โดยไม่รู้ว่า ฝีมือเขาจะเป็นยังไง ” โกลน ” ในสำนวนนี้หมายถึง ซุง ทั้งต้นที่เขาเอามาเกลาหรือถากตั้งเป็นรูปขึ้นก่อนเพื่อจะต่อเป็นเรือขุด โกลนในชั้นแรกจึงดูไม่ค่อยเป็นรูปร่างดี ต่อเมื่อโกลนดีแล้ว จึงตบแต่งค่อยเป็นค่อยไปจนเป็นรูปเรือ.